Web blog เรื่อง “การปรับตัวระหว่างคน สิ่งแวดล้อมและสภาพสังคมเมือง” นี้เป็นการระดมความคิดเห็นและเป็นการทำความเข้าใจในเรื่องของระบบนิเวศในเขตเมือง และเป็นการเปิดมุมมองในการจัดการเรียนรู้และทำความเข้าใจในแง่มุมต่างๆของสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในเขตเมือง
วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555
ร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
ร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ในการแก้ไขปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมในเมืองใหญ่ อย่างกรุงเทพมหานนคร ที่กำลังประสบปัญหาวิกฤตการณ์ การพัฒนาเมืองหลังน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ที่ผ่านมา...
วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555
ปัญหาสิ่งแวดล้อมในเมือง (กรุงเทพมหานคร)
ปัญหาสิ่งแวดล้อมในเมืองมักจะเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางของความเจริญรุดหน้าในด้านเศรษฐกิจและสังคม
ดังเช่น กรุงเทพมหานครซึ่งประสบกับภาวะความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและประชากรอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
แรงกดดันจากประชากรที่กำลังขยายตัว มีผล ทำให้เขตกรุงเทพฯ ต้องมีการพัฒนาและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
โดยมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวออกไปภายนอกคือ บริเวณวงแหวนรอบนอก
ทั้งนี้เนื่องมาจากความอิ่มตัวของพื้นที่ชั้นใน ซึ่งมีการพัฒนาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่แล้ว
ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ ที่กำลังอยู่ในขั้นวิกฤต รายละเอียดของปัญหาต่างๆ
มีดังนี้
1.
ปัญหาอากาศเสียและเสียงเป็นพิษ
อากาศเสีย ปัญหาอากาศเสียในเขตกรุงเทพมหานคร โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากควันและไอเสียที่ปล่อยออกมาจากท่อไอเสียรถยนต์ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับปัญหาการจราจรที่อยู่ในขั้นวิกฤติ
เสียงเป็นพิษ ปัญหามลพิษทางเสียงที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่จะเกิดในบริเวณที่มีกิจกรรมและประชากรอยู่หนาแน่น เช่น เสียงที่เกิดจากการจราจรที่หนาแน่น เช่น บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 5 แห่ง ที่มีเสียงดังเกินมาตรฐาน ได้แก่ สีลม ศาลาแดง พร้อมพงษ์ สะพานควาย และอนุสาวรีย์ขัยสมรภูมิ
อากาศเสีย ปัญหาอากาศเสียในเขตกรุงเทพมหานคร โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากควันและไอเสียที่ปล่อยออกมาจากท่อไอเสียรถยนต์ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับปัญหาการจราจรที่อยู่ในขั้นวิกฤติ
เสียงเป็นพิษ ปัญหามลพิษทางเสียงที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่จะเกิดในบริเวณที่มีกิจกรรมและประชากรอยู่หนาแน่น เช่น เสียงที่เกิดจากการจราจรที่หนาแน่น เช่น บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 5 แห่ง ที่มีเสียงดังเกินมาตรฐาน ได้แก่ สีลม ศาลาแดง พร้อมพงษ์ สะพานควาย และอนุสาวรีย์ขัยสมรภูมิ
2.
ปัญหาคุณภาพน้ำเสื่อมโทรม
ปัจจุบันคูคลองสายต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร กลายสภาพเป็นแหล่ง รองรับน้ำเสียที่ไม่ผ่านการบำบัดหรือบำบัดไม่สมบูรณ์จากชุมชนและโรงงาน ต่างๆ เนื่องจากสิ่งสกปรกที่ปนในน้ำทิ้งจากชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม การเกษตรกรรม ปศุสัตว์ มูลฝอยและสิ่งปฏิกูล อันประกอบด้วยอินทรียสาร และอนินทรียสารต่างๆ จำนวนมาก ถูกระบายลงสู่ลำคลองต่างๆ ส่งผลให้คุณภาพ น้ำในคลองเสื่อมโทรม
ปัจจุบันคูคลองสายต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร กลายสภาพเป็นแหล่ง รองรับน้ำเสียที่ไม่ผ่านการบำบัดหรือบำบัดไม่สมบูรณ์จากชุมชนและโรงงาน ต่างๆ เนื่องจากสิ่งสกปรกที่ปนในน้ำทิ้งจากชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม การเกษตรกรรม ปศุสัตว์ มูลฝอยและสิ่งปฏิกูล อันประกอบด้วยอินทรียสาร และอนินทรียสารต่างๆ จำนวนมาก ถูกระบายลงสู่ลำคลองต่างๆ ส่งผลให้คุณภาพ น้ำในคลองเสื่อมโทรม
3.
ปัญหามูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
มูลฝอยชุมชน ในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมาณมูลฝอยยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ไม่สามารถเก็บขนได้หมด มีมูลฝอยเหลือตกค้างอยู่ตามบ้านเรือนประชาชนและกระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ
มูลฝอยชุมชน ในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมาณมูลฝอยยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ไม่สามารถเก็บขนได้หมด มีมูลฝอยเหลือตกค้างอยู่ตามบ้านเรือนประชาชนและกระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ
4.
ปัญหาชุมชนแออัด
พื้นที่เมืองชั้นใน ซึ่งอยู่ในแนวถนนรัชดาภิเษกหรืออยู่ในแนวรัศมี มีระยะห่างจากใจ กลางเมืองประมาณ 0-20 กิโลเมตร ถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและความเจริญในด้านต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร และเป็นเนื้อเมือง (Buildup Area) ของกรุงเทพมหานคร ที่ทำให้พื้นที่ในเขตดังกล่าวเป็นแหล่งที่มีการจ้างงาน และมีการก่อสร้างสาธารณูปโภคและสาธารณูปการมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีการคมนาคมที่มีโครงข่ายกว้างขวาง ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จึงกลายเป็นสิ่งดึงดูดให้คนในชนบทเข้ามาหางานทำในเมือง และเกิดการตั้งถิ่นฐานอย่างไม่ถาวรในที่สาธารณะในส่วนต่างๆ ของกรุงเทพฯ ขึ้น เมื่อนานวันเข้าชุมชนเหล่านี้ขยายตัวมากขึ้น บ้านเรือนที่ปลูกสร้าง อย่างง่ายๆ มีการเบียดเสียดกันหนาแน่น จนกลายเป็นชุมชนที่เราเรียกกันว่า “ชุมชน
พื้นที่เมืองชั้นใน ซึ่งอยู่ในแนวถนนรัชดาภิเษกหรืออยู่ในแนวรัศมี มีระยะห่างจากใจ กลางเมืองประมาณ 0-20 กิโลเมตร ถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและความเจริญในด้านต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร และเป็นเนื้อเมือง (Buildup Area) ของกรุงเทพมหานคร ที่ทำให้พื้นที่ในเขตดังกล่าวเป็นแหล่งที่มีการจ้างงาน และมีการก่อสร้างสาธารณูปโภคและสาธารณูปการมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีการคมนาคมที่มีโครงข่ายกว้างขวาง ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จึงกลายเป็นสิ่งดึงดูดให้คนในชนบทเข้ามาหางานทำในเมือง และเกิดการตั้งถิ่นฐานอย่างไม่ถาวรในที่สาธารณะในส่วนต่างๆ ของกรุงเทพฯ ขึ้น เมื่อนานวันเข้าชุมชนเหล่านี้ขยายตัวมากขึ้น บ้านเรือนที่ปลูกสร้าง อย่างง่ายๆ มีการเบียดเสียดกันหนาแน่น จนกลายเป็นชุมชนที่เราเรียกกันว่า “ชุมชน
5.
ปัญหามลทัศน์
(Visual Pollution)
มลทัศน์ (Visual Pollution) หรือเรียกว่า มลภาวะทางสายตาหรือทัศนอุจาด เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนเมืองที่เหมือนกับปัญหาน้ำเสีย อากาศเสีย เสียงดัง การจราจรคับคั่ง เป็นต้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยจากการรับรู้ได้โดยการสูดกลิ่น การได้ยิน ในขณะที่การรับรู้ทางด้านมลทัศน์จะรับรู้ได้โดยการมอง (Visual Perception) ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย แต่จะทำให้ภูมิทัศน์เมือง (Urban Landscape) ไม่มีความสวยงาม ไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยขององค์ประกอบของเมือง ได้แก่ อาคารและสิ่งปลูกสร้าง ระบบสาธารณูปโภค ซึ่งบริการและอำนวยความสะดวกต่อชุมชน รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์บนถนน (Street Furniture) ป้ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์บริเวณอาคารต่างๆ แออัด”
มลทัศน์ (Visual Pollution) หรือเรียกว่า มลภาวะทางสายตาหรือทัศนอุจาด เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนเมืองที่เหมือนกับปัญหาน้ำเสีย อากาศเสีย เสียงดัง การจราจรคับคั่ง เป็นต้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยจากการรับรู้ได้โดยการสูดกลิ่น การได้ยิน ในขณะที่การรับรู้ทางด้านมลทัศน์จะรับรู้ได้โดยการมอง (Visual Perception) ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย แต่จะทำให้ภูมิทัศน์เมือง (Urban Landscape) ไม่มีความสวยงาม ไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยขององค์ประกอบของเมือง ได้แก่ อาคารและสิ่งปลูกสร้าง ระบบสาธารณูปโภค ซึ่งบริการและอำนวยความสะดวกต่อชุมชน รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์บนถนน (Street Furniture) ป้ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์บริเวณอาคารต่างๆ แออัด”
6.
ปัญหาน้ำท่วม
กรุงเทพมหานครอยู่ในบริเวณที่ราบน้ำท่วมถึง ปัญหาน้ำท่วมขังในกรุงเทพมหานครที่ผ่านมาหลายครั้งด้วยกันก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากมาย จากการที่กรุงเทพมหานครมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีการขยายตัวไปตามแนวถนนสายหลัก (Ribbon Development) มีการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่เกษตรกรรม เมื่อมีฝนตกเป็นปริมาณมาก ประกอบกับไหลบ่าของน้ำเหนือในฤดูฝน สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้จะไปกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ และสาเหตุอีกประการหนึ่งคือปัญหาแผ่นดินทรุดเนื่องจากการสูบน้ำบาดาล ซึ่งเดิมกรุงเทพฯเป็นพื้นที่ราบต่ำอยู่แล้ว เมื่อเกิดน้ำท่วมขังทำให้น้ำระบายได้ยากกว่าเดิม ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง ทั้งนี้ปัญหาน้ำท่วมจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในช่วงน้ำทะเลหนุน ซึ่งจะไม่สามารถระบายน้ำออกสู่ทะเลได้
กรุงเทพมหานครอยู่ในบริเวณที่ราบน้ำท่วมถึง ปัญหาน้ำท่วมขังในกรุงเทพมหานครที่ผ่านมาหลายครั้งด้วยกันก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากมาย จากการที่กรุงเทพมหานครมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีการขยายตัวไปตามแนวถนนสายหลัก (Ribbon Development) มีการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่เกษตรกรรม เมื่อมีฝนตกเป็นปริมาณมาก ประกอบกับไหลบ่าของน้ำเหนือในฤดูฝน สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้จะไปกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ และสาเหตุอีกประการหนึ่งคือปัญหาแผ่นดินทรุดเนื่องจากการสูบน้ำบาดาล ซึ่งเดิมกรุงเทพฯเป็นพื้นที่ราบต่ำอยู่แล้ว เมื่อเกิดน้ำท่วมขังทำให้น้ำระบายได้ยากกว่าเดิม ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง ทั้งนี้ปัญหาน้ำท่วมจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในช่วงน้ำทะเลหนุน ซึ่งจะไม่สามารถระบายน้ำออกสู่ทะเลได้
วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555
การเปลี่ยนแปลงภาวะความเป็นเมืองที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชากร
การกระทำใด ๆ ของประชากรต่อสิ่งแวดล้อมย่อมมีผลเกี่ยวเนื่องและสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ในระบบด้วย และยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประชากรด้วย ดังนี้
1. ทำให้เกิดความอดอยากและขาดแคลน การเพิ่มจำนวนประชากรย่อมทำให้เกิดความต้องการปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิตเพิ่มมากขึ้นด้วย การขยายที่ดินเพื่อการเพาะปลูก การทำเกษตรกรรม การสร้างที่อยู่อาศัย การตัดไม้ทำลายป่า การขุดค้นแร่ธาตุมาใช้อย่างรวดเร็วและเป็นจำนวนมาก ทำให้จำนวนทรัพยากรลดลง สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม ระบบนิเวศขาดความสมดุล ก่อให้เกิดความอดอยากในหมู่ประชากรและการขาดแคลน
ทรัพยากรธรรมชาติ
1. ทำให้เกิดความอดอยากและขาดแคลน การเพิ่มจำนวนประชากรย่อมทำให้เกิดความต้องการปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิตเพิ่มมากขึ้นด้วย การขยายที่ดินเพื่อการเพาะปลูก การทำเกษตรกรรม การสร้างที่อยู่อาศัย การตัดไม้ทำลายป่า การขุดค้นแร่ธาตุมาใช้อย่างรวดเร็วและเป็นจำนวนมาก ทำให้จำนวนทรัพยากรลดลง สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม ระบบนิเวศขาดความสมดุล ก่อให้เกิดความอดอยากในหมู่ประชากรและการขาดแคลน
ทรัพยากรธรรมชาติ
2. ทำให้เกิดความยากจน ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน เป็นผลเนื่องมาจากการเพิ่มจำนวนของประชากร ทำให้มีความต้องการใช้ทรัพยากรเพิ่มมากขึ้นเพื่อการดำรงชีวิต
ประกอบกับการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ขาดประสิทธิภาพและขาดการรู้จักแบ่งปันของมนุษย์ ทำให้ปัญหาอื่น
ๆ ตามมา ความยากจนจึงเป็นต้นเหตุของปัญหาอื่น ๆ ของสังคมที่ไม่รู้หนังสือ ปัญหาสุขภาพอนามัย
ปัญหาสลัม ปัญหาแรงงานเด็ก ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาโสเภณี การอพยพย้ายถิ่น ความหิวโหย การว่างงาน เป็นต้น
3. ทำให้เกิดปัญหาด้านมลพิษและมลภาวะ การที่มีประชากรเพิ่มมากขึ้นก่อให้เกิดชุมชนหรือเมือง
มากขึ้น สิ่งจำเป็นตามมาก็คือ ถนน ไฟฟ้า ประปา โรงพยาบาล โรงเรียน ฯลฯ ดังนั้นรัฐจะต้องจัดบริการด้าน
สาธารณูปโภคเหล่านี้ให้ทันกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ปัญหาที่จะตามมาอีกก็คือ ทำให้เกิดปัญหาขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลมากขึ้น ปัญหาการจราจรหนาแน่นและติดขัด นำไปสู่ปัญหามลพิษและมลภาวะ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
3. ทำให้เกิดปัญหาด้านมลพิษและมลภาวะ การที่มีประชากรเพิ่มมากขึ้นก่อให้เกิดชุมชนหรือเมือง
มากขึ้น สิ่งจำเป็นตามมาก็คือ ถนน ไฟฟ้า ประปา โรงพยาบาล โรงเรียน ฯลฯ ดังนั้นรัฐจะต้องจัดบริการด้าน
สาธารณูปโภคเหล่านี้ให้ทันกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ปัญหาที่จะตามมาอีกก็คือ ทำให้เกิดปัญหาขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลมากขึ้น ปัญหาการจราจรหนาแน่นและติดขัด นำไปสู่ปัญหามลพิษและมลภาวะ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555
ความสัมพันธ์ระหว่างประชากรกับสิ่งแวดล้อม
ประชากรมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมอย่างแนบแน่นซึ่งในอดีตปัญหาสิ่งแวดล้อมยังไม่เกิดขึ้นมากนัก เนื่องจากประชากรในยุคนั้น ๆ มีชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของธรรมชาติความเปลี่ยนแปลงทางด้านธรรมชาติและสภาวะแวดล้อมเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงสามารถปรับสมดุลของตัวเองได้ แต่เมื่อประชากรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ความเจริญทางด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมขยายตัวมากขึ้น ประชากรขวนขวายหาความสุขสบายมากขึ้น มีการใช้ทรัพยากรมากขึ้น และเกือบทุกประเทศต่างก็มุ่งพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจกันอย่างจริงจัง ปัญหาสิ่งแวดล้อมจึงปรากฏให้เห็น
การเพิ่มจำนวนประชากรเพียงอย่างเดียว มิใช่เป็นตัวการที่ทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็วแต่พฤติกรรมการกระทำของมนุษย์เพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นต่างหากที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายและสภาพแวดล้อมแปรปรวนไป
การเพิ่มจำนวนประชากรเพียงอย่างเดียว มิใช่เป็นตัวการที่ทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็วแต่พฤติกรรมการกระทำของมนุษย์เพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นต่างหากที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายและสภาพแวดล้อมแปรปรวนไป
จุดมุ่งหมายหลักของการพัฒนาประชากรของประเทศ คือ เพื่อให้ประชากรได้รับสวัสดิการและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียมกัน ประชากรจึงมีบทบาทสำคัญในการประเมินความต้องการของสังคมในเรื่องการจ้างงาน การศึกษา การบริการด้านสุขภาพและที่อยู่อาศัย ความต้องการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางเศรษฐกิจสัมพันธ์กับจำนวนประชากรการกระจายความหนาแน่นของประชากรก็มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากร
เมื่อสภาพแวดล้อมทางกายภาพถูกทำลายหรือถูกใช้ไป ย่อมส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ ที่อยู่อาศัย การศึกษา การจ้างงานและรายได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น เมื่อเกิดมลพิษทางน้ำย่อมเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ดังนั้น โครงสร้างประชากรและสิ่งแวดล้อมจะต้องกล่าวถึงบทบาทของรัฐในการดำเนินการจัดใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้ถูกต้องและรอบคอบไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาประเทศรวมทั้งนโยบายของชุมชน และการใช้เทคโนโลยีใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอยู่ในขอบเขตที่จะไม่ก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมไปเร็วกว่านี้ หรือเพื่อให้เกิดปัญหากับสภาพแวดล้อมให้น้อยที่สุด
จากโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชากรและสิ่งแวดล้อมจะเห็นได้ว่า มีตัวแปรพื้นฐานด้านประชากร3 ตัว คือ การเกิด การตาย และการย้ายถิ่น ถ้ามองในภาพรวมตัวแปรดังกล่าวส่งผลต่อการบริโภคและบริการต่าง ๆ ซึ่งความต้องการดังกล่าวจัดหาได้ 2 ทาง คือ จากธรรมชาติ และการผลิตทางเศรษฐกิจซึ่งทั้ง 2 วิธี ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)